จิ้งหรีด
จิ้งหรีด เป็นแมลงที่มีลักษณะปากเป็นแบบปากกัด มีตารวม หนวดยาว ขาคู่หลังมีขนาดใหญ่และแข็งแรง เพศเมียปีกเรียบและมีอวัยวะวางไข่ยาวแหลมคล้ายเข็มยื่นออกมาจากส่วนท้อง เพศผู้มีปีกคู่หน้าย่นสามารถทำเสียงได้ จิ้งหรีดจัดเป็นแมลงชนิดหนึ่งที่พบได้ในทุกภูมิภาคของโลก โดยเฉพาะเขตร้อนอย่างประเทศไทย จิ้งหรีดมักกัดกินต้นกล้าของพืช ใบของพืช ส่วนที่อ่อนๆ เป็นอาหาร จิ้งหรีดมีหลายชนิด หลายขนาดแตกต่างกันไป พฤติกรรมลักษณะพิเศษของจิ้งหรีดที่แตกต่างจากแมลงชนิดอื่นอย่างโดดเด่นและสังเกตได้ง่ายคือ การส่งเสียงร้องและการผสมพันธุ์ที่เพศเมียจะคร่อมบนเพศผู้เสมอ
ปัจจุบันคนนิยมบริโภคจิ้งหรีดเป็นอาหาร เพราะมีโปรตีนสูง ปลอดสารพิษ ในธรรมชาติจะหาจิ้งหรีดมาเพื่อบริโภคได้ไม่มากนัก บางฤดูมีมาก บางฤดูแทบจะหาไม่ได้เลย เช่นฤดูหนาว จิ้งหรีดจะขยายพันธุ์ช้า หากมีการจัดการที่ดี จะมีจิ้งหรีดไว้บริโภคหรือจำหน่ายได้ตลอดปี
จิ้งหรีดที่พบในประเทศ
ไทย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายมี 5 ชนิด คือ
- จิ้งหรีดทองดำ ลำตัวกว้างประมาณ 0.70 ซม. ยาวประมาณ 3 ซม. ที่พบตามธรรมชาติมี 3 สี คือสีดำ สีทอง สีอำพัน โดยลักษณะที่เด่นชัดคือ จะมีจุดเหลืองที่โคนปีก 2 จุด
- จิ้งหรีดทองแดง ลำตัวกว้างประมาณ 0.60 ซม. ยาวประมาณ 3 ซม. มีลำตัวสีน้ำตาล เพศผู้มีสีเข้มกว่าเพศเมีย ส่วนหัวเหนือขอบตารวมด้านบน แต่ละด้านมีแถบสีเหลือง มองดูคล้ายหมวกแก็ป มีความว่องไวมาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกจิ้งหรีดนี้เป็นภาษาท้องถิ่นว่า จินาย อิเจ๊ก จิ้งหรีดม้า เป็นต้น
- จิ้งหรีดเล็ก มีขนาดเล็กที่สุดสีน้ำตาล บางท้องที่เรียกว่า จิลอ จิ้งหรีดผี หรือแอ้ด เป็นต้น ลักษณะคล้ายจิ้งหรีดพันธุ์ทองแดง แต่มีขนาดเล็กกว่า โดยมีขนาดประมารหนึ่งในสามของจิ้งหรีดพันธุ์ทองแดง
- จิ้งโกร่ง เป็นจิ้งหรีดขนาดใหญ่ สีน้ำตาล ลำตัวกว้างประมาณ 1 ซ.ม. ยาวประมาณ 3.50 ซ.ม. ชอบอยู่ในรูลึก โดยจะขุดดินสร้างรังอาศัยได้เอง และมีพฤติกรรมชอบอพยพย้ายที่อยู่เสมอ มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น จิโปม จิ้งกุ่ง เป็นต้น
- จิ้งหรีดทองแดงลาย มี 2 ชนิดคือ ชนิดที่ปีกครึ่งตัว และชนิดที่มีปีกยาวเหมือนจิ้งหรีดทั่วไป ตัวเต็มวัยสีน้ำตาลเข้ม ลำตัวกว้างประมาณ 0.53 ซ.ม. ยาวประมาณ 2.05 ซม. ตัวเต็มวัยเหมือนพันธุ์ทองแดงแต่เล็กกว่าประมาณครึ่งหนึ่ง
ประโยชน์ของการเลี้ยงจิ้งหรีด
โยชน์การเลี้ยงจิ้งหรีด
- เป็นทางเลือกหนึ่งในการประกอบอาชีพ
- เพื่อส่งเสริมให้มีอาหารปลอดสารพิษไว้บริโภค
- เป็นกิจกรรมยามว่าง ส่งเสริมสุขภาพจิต โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ
- เป็นอาหารสัตว์ เช่น ไก่ กบ เป็ด ปลา และอื่น ๆ
- ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารกระป่อง (จิ้งหรีดกระป๋อง)
- เพื่อการกีฬา เช่น ใช้เป็นเหยื่อตกปลา
ชีววิทยาของจิ้งหรีด
จิ้งหรีดพันธุ์ทองแดงลาย รูปร่างลักษณะเป็นจิ้งหรีดขนาดเล็ก ตัวเต็มวัยสีน้ำตาลเข้ม ลำตัวกว้าง ประมาณ 0.53 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2.05 เซนติเมตร ตัวเต็มวัยเหมือนพันธุ์ทองแดงแต่เล็กกว่าประมาณครึ่งหนึ่ง ลักษณะนิสัย กินอาหารเก่ง โตไว ไม่ชอบบิน เดินนุ่มนวลน่ารัก
วิต
ไข่ มีสีขาวนวล ลักษณะเรียวยาวคล้ายเม็ดข้าวสาร ไข่เมื่อฟักนาน ๆ จะมีสีเหลืองและดำ ก่อนจะฟักออกเป็นตัวอ่อน ใช้เวลาประมาณ 13-14 วัน ถ้าเป็นฤดูหนาวประมาณ 20 วัน
ตัวอ่อน ฟักออกจากไข่ใหม่ ๆ มีสีครีมต่อมาเปลี่ยนเป็นสีดำละมีลายม่วง มีการลอกคราบ 7 ครั้ง ระยะตัวอ่อนประมาณ 40 วัน
ตัวเต็มวัย อายุ 40 วันขึ้นไป มีสีน้ำตาลเข้ม ตัวเล็กกว่าพันธุ์ทองแดง
เพศผู้ ปีกคู่หน้าย่น สามารถทำให้เกิดเสียงได้ โดยใช้ปีกคู่หน้าถูกัน เสียงที่จิ้งหรีดทำขึ้นเป็นการสื่อสารที่มีความหมายของจิ้งหรีด
เพศเมีย ปีกคู่หน้าเรียบ และมีอวัยวะวางไข่ยาวแหลม คล้ายเข็มยาวประมาณ 1.50 เซนติเมตร
การทำเสียงของเพศผู้ เกิดจากการใช้ปีกคู่หน้าถูหรือสีกัน ปกติปีกจะทับกันเหนือลำตัว เพศผู้ปีกขวาจะทับปีกซ้าย ส่วนเพศเมียปีกซ้ายจะทับปีกขวา เวลาร้องจะยกปีกคู่หน้าขึ้นใช้ขอบของโคนปีกซ้าย ถูหรือสีกับฟันซี่เล็ก ๆ ที่เรียงกันเป็นแถวที่โคนด้านในของปีกขวา พร้อม ๆ กับการโยกตัว เสียงร้องจะบ่งบอกถึงพฤติกรรมของจิ้งหรีดในขณะนั้น เช่น
ลักษณะเสียง | การแสดงพฤติกรรม |
1. กริก…….กริก….กริก…นานๆ | อยู่โดดเดี่ยว ต้องการหาคู่หรือหลงบ้าน บางครั้งพเนจรร้องไปเรื่อย ๆ |
2. กริก…กริก..กริก…เบา ๆ และถี่ ติดต่อกัน | ต้องการผสมพันธุ์ ตัวผู้จะถอยหลังเข้าหา ตัวเมียเพื่อขึ้นคร่อมรับการผสมพันธุ์ |
3. กริก…กริก…กริก…ยาวดัง ๆ 2-3 ครั้ง | โกรธ หรือแย่งความเป็นเจ้าของ |
4. กริก….กริก…กริก…ลากเสียงยาวๆ | ประกาศอาณาเขต หาที่อยู่ได้แล้ว |
การผสมพันธุ์
เมื่อลอกคราบเป็นตัวเต็มวัยประมาณ 3-4 วัน ก็จะเริ่มผสมพันธุ์ ตัวผู้จะส่งเสียงร้องเรียกหา
ตัวเมีย ตอนแรกจะเสียงดังและร้องเป็นช่วงยาว ๆ เพื่อให้ตัวเมียเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ จิ้งหรีดจะอาศัย
เสียงร้องเท่านั้น จึงจะเห็นเพศตรงกันข้าม เนื่องจากสายตาไม่ดี หนวดรับการสัมผัสไม่ค่อยดี จะสังเกตได้เมื่อตัวเมียเกาะอยู่นิ่ง ๆ ตัวผู้จะร้องเดินผ่านไปทั้ง ๆ ตัวเมียอยู่ใกล้ เมื่อพบตัวเมียแล้วเสียงร้องจะเบาลงและเป็นจังหวะสั้น ๆ กริก…..กริก…..กริก…… ถอยหลังเข้าหาตัวเมีย เพื่อให้ตัวเมียขึ้นคร่อมรับการผสมพันธุ์ ใช้เวลาประมาณ 10-15 วินาที โดยตัวผู้จะยื่นอวัยวะเพศแทงไปที่อวัยวะเพศเมีย และปล่อยถุงน้ำเชื้อมีลักษณะปลายเป็นลูกศรออกไปติดที่อวัยวะเพศเมีย หลังจากนั้น ถุงน้ำเชื้อจะฝ่อลง ตัวเมียจะใช้ขาเขี่ยถุงน้ำเชื้อทิ้งไป
การวางไข่
หลังจากผสมพันธุ์แล้ว 3-4 วัน ตัวเมียจะเริ่มวางไข่โดยใช้อวัยวะที่ยาวแหลมคล้ายเข็มความยาวประมาณ 1.50 ซม. แทงลงในดินลึก 1-1.50 ซม. และวางไข่เป็นกลุ่ม ๆ ละ 3-4 ฟอง ตัวเมีย 1 ตัวจะวางไข่ได้ประมาณ 1,000-1,200 ฟอง ปริมาณไข่สูงสุดช่วงวันที่ 15-16 นับจากการผสมพันธุ์ จากนั้นไข่จะลดลงเรื่อยๆ จนหมดอายุขัย
การเลี้ยงจิ้งหรีด
- บ่อจิ้งหรีด
วัสดุที่จะนำมาเป็นสถานที่เพาะเลี้ยง เช่น บ่อซีเมนต์ กาละมัง ปิ้ป โอ่ง ถังน้ำ เป็นต้น
- เทปกาว/หรือพลาสติกใส หน้ากว้าง 2.5นิ้ว
ใช้ติดรอบในด้านบนเพื่อป้องกันไม่ให้จิ้งหรีดออกนอกบ่อ ใช้พลาสติกกว้างประมาร 5 เซนติเมตร ให้ยาวเท่าเส้นรอบวง
- ยางรัดปากวง
ใช้ยางในรถจักรยานยนต์ ตัดให้มีขนาดกว้างน้อยกว่าขอบวงด้านนอก เพื่อความสะดวกเมื่อเวลายืดรัดตาข่ายกับขอบวง
- ตาข่ายไนล่อนสีเขียว
เป็นตาข่ายสำหรับปิดปากบ่อจิ้งหรีด ป้องกันการบินหนีของจิ้งหรีดและป้องกันศัตรูเข้าทำลายจิ้งหรีด ตัดให้มีขนาดใหญ่กว่าบ่อจิ้งหรีดเล็กน้อย
5.ที่หลบภัย
ใช้เป็นที่หลบซ่อนตัว อาศัยอยู่ เช่น ถาดไข่ชนิดที่เป็นกระดาษ ไม่ไผ่ตัดเป็นท่อนๆ เข่งปลาทู
- ถาดให้อาหาร
ควรเป็นถาดที่ไม่ลึกมาก เพื่อให้จิ้งหรีดได้ขึ้นกินอาหารได้สะดวก
- ภาชนะให้น้ำ
ใช้ที่ให้น้ำสำหรับไก่เล็ก และต้องมีหินวางไว้สำหรับให้จิ้งหรีดเกาะ ไม่ตกน้ำ
- ถาดไข่
สำหรับใช้เป็นที่วางไข่ โดยใช้ขันอาบน้ำทั่ว ๆ ไป วัสดุที่ใส่ ใช้ขี้เถ้าแกลบดำ รดน้ำให้ชุ่ม
การจัดการ
- สถานที่เลี้ยงต้องป้องกันแสงแดดและฝนได้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เช่น โรงเรือนเลี้ยง ใต้ถุนบ้าน ชายคาบ้าน เป็นต้น
- พ่อแม่พันธุ์จิ้งหรีด ได้จากจิ้งหรีดตัวเต็มวัยที่ผสมพันธุ์แล้ว โดยไม่ต้องคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ ใน 1 บ่อ มีประมาณ 8,000 ตัวแต่ต้องเปลี่ยนพ่อแม่พันธุ์จิ้งหรีดจากแหล่งอื่นมาผสมพันธุ์ป้องกันเลือดชิด
- การขยายพันธุ์วางถาดไข่สำหรับวางไข่ 4-6 อัน เมื่อครบ 2 วัน ย้ายถาดไข่ออกแล้ววางถาดไข่อันใหม่อีก 4-6 อัน จะได้จิ้งหรีดที่เป็นรุ่นเดียวกัน ใน 1 บ่อ สามารถวางถาดไข่ได้ 2-3 ครั้ง
- การให้น้ำให้ดูขวดที่ใส่น้ำถ้าแห้งให้เติมใหม่ ถ้าสกปรกให้ล้างออก หรือใช้ต้นกล้วยดิบตัดเป็นท่อน ๆ แตงชนิดต่างๆ เช่น แตงกวา แตงโม น้ำเต้า ให้จิ้งหรีดดูดกินน้ำ เมื่อตัวเล็ก ๆ
- การให้อาหาร อาหารหลักได้แก่ ผักชนิดต่าง ๆ เช่นผักกาด กะหล่ำ หญ้า มะละกอ อาหารรองใช้อาหารไก่ผสมกับแกลบอ่อน อัตรา 1:1 เมื่อจิ้งหรีดอายุ 40-50 วัน พร้อมที่จะนำมาบริโภคและจำหน่ายต่อไป
- เมื่อจับจิ้งหรีดหมดบ่อแล้ว ให้ทำความสะอาดบ่อเลี้ยงโดยการเก็บวัสดุรองพื้นบ่อออกให้หมด ส่วนขวดน้ำ ถาดอาหาร ถาดไข่ ที่หลบภัย ทำความสะอาดสามารถนำมาใช้ได้อีกพักบ่อเลี้ยงจิ้งหรีด อย่างน้อย 7วัน
ละศัตรูของจิ้งหรีด
จิ้งหรีดเป็นแมลงที่ไม่ค่อยมีโรคและศัตรูมารบกวนมากนัก ควรป้องกันไว้ก่อนดีกว่าการกำจัด ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อจิ้งหรีดและผู้บริโภค
โรคทางเดินอาหาร เกิดจากจิ้งหรีดได้รับอาหารที่ไม่สะอาด เกิดเชื้อรา วิธีป้องกันคือ การให้อาหารที่มีจำนวนพอเหมาะกับจำนวนจิ้งหรีด เมื่อเก็บผลผลิตหมดแล้วควรทำความสะอาดบ่อ ก่อนนำจิ้งหรีดรุ่นใหม่มาเลี้ยง วัสดุอุปกรณ์การเลี้ยงต้องล้างฆ่าเชื้อทุกชนิด โดยฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทิ้งไว้อย่างน้อย 30 วัน แผงกระดาษที่อยู่อาศัยให้เผาทิ้ง ตัวจิ้งหรีดให้เผาทำลาย
สัตว์ศัตรู เช่น มด จิ้งจก ไร แมงมุม ป้องกันโดยใช้ตาข่ายคลุมให้มิดชิด